สวัสดีค่ะ ฮอนด้าอยากเขียนกระทู้นี้มานานมากแล้ว
เพราะ ฮอนด้าได้ Inspiration ที่จะเริ่มวิ่งมาราธอน มาจากกระทู้ในพันทิปเนี่ยแหละค่ะ
อย่างเช่น กระทู้ของสาวสวยนักวิ่งอย่าง พี่ยู้และพี่หญิง
วันนี้ฮอนด้าเลยอยากลองเขียนดูบ้าง เผื่อจะทำให้ผู้อ่านบางท่าน
เริ่มคิดที่จะออกมาวิ่งมาราธอน แล้วคุณก็จะพบกับโลกอีกใบ อย่างที่ฮอนด้าได้เจอ
ฮอนด้าเพิ่งวิ่งมาราธอนแรกจบไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (8 June 2014) ในงาน Laguna Phuket International Marathon'14
ด้วยเวลา 4:26:41 วินาที ตอนเข้าเส้นมา นี่ตะโกนลั่นเลยค่ะ "อ๊าาาาาา ฉันทำได้แล้ว" (จบซักทีนะ กว่าจะถึง...)
เราทำได้แล้ว ความรู้สึกนั้นมันเอ่อล้นจนบอกไม่ถูกเลยจริงๆค่ะ
หกเดือน กับ คำว่า "วิ่ง"
นับตั้งแต่ งานวันพ่อ ที่ฮอนด้าเริ่มวิ่ง 10 กิโล

ตอนนั้น ไม่รู้ว่างานวิ่งเขามีแจกน้ำ ด้วยความที่กลัวหิวน้ำระหว่างวิ่ง
10 โล นี่ไกลนะ! เลยขอถือขวดน้ำวิ่งไปด้วยดีกว่า
ถือไปก็อุ่นใจดี เลยกลายเป็นของขลังอยู่ซักพักใหญ่เลย ที่ฮอนด้าต้องถือขวดน้ำวิ่ง
วันนั้นวิ่งไปชั่วโมงนิดๆค่ะ ไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่ เพราะ พอเข้าเส้นมา
มองหานาฬิกาที่เขาจับเวลาไม่เห็น ไม่รู้มันอยู่ไหน(มือใหม่จริงๆ)
ก่อนจะวิ่งงานนี้ก็มีวิ่งบ้างในยิมทั่วไป
เป็นบางครั้งบางครา (วิ่งเหยาะๆแหยะๆ เรียกว่าเดินฟังเพลงยังดีกว่าเลยค่ะ)
มีพื้นฐานกีฬาก็แค่เคยเรียน บัลเล่ต์ตอนเด็กๆก็แค่นั้น
แต่รู้ว่าวันนั้น เราอยากวิ่ง 10 โลได้ โดยที่ไม่มีคำว่า "เดิน"
เลยวิ่งไปเรื่อยๆวันจริง ย้ำเท้า ท่องไว้ว่า ไปข้างหน้า ไปข้างหน้า
พอวิ่งจบวันนั้น มีคุณลุงเข้ามาชมว่าฮอนด้าวิ่งดีค่ะ
งงๆอยู่เหมือนกัน ลุงใจดี เลยพาไปถามน้องที่ได้ถ้วย
น้องที่ได้ที่ห้า เขาบอกว่าเขาวิ่งไป 54 นาที
ด้วยความที่อ่อนต่อโลกวิ่ง เลยคิดแค่ว่า เอ้อ 10 นาทีเองนี่
ฉันทำได้ (หารู้ไม่ ว่าความจริงแล้ว นั่นมันหลายกิโลเลย)
หลังจากงานวิ่งวันพ่อ สองสามวัน ฮอนด้าก็ไปเข้าคลาส Body Combat
แล้วบังเอิญ เห็นผู้ชาย รูปร่างดี ใส่เสื้องานวิ่งวันพ่อ ที่เราเพิ่งไปวิ่งมา (เหมือนฟ้าส่งเธอมาเลย)
ตอนนั้น คิดแค่ว่า ถ้าจะวิ่งให้เร็วขึ้นอีก 10 นาที เราต้องมีคู่ซ้อม
และพี่คนนี้ ดูจากรูปร่าง น่าจะออกกำลังกาย และ น่าจะวิ่งดีอยู่
เลยเข้าไปทักพี่เขา เขาคือ ครูพง (ครูสอนว่ายน้ำและโยคะนั่นเอง)
และเราก็เริ่มชวนกันซ้อมวิ่ง พร้อมออกวิ่งตามงานต่างๆที่มีค่ะ ตอนนั้นวิ่งกันแทบทุกอาทิตย์
วิ่งไปเรื่อยๆ บางงานก็ได้ถ้วยรางวัลติดไม้ติดมือกลับมาแบบ งงๆ เพราะตอนนั้นไม่ได้มีแผนซ้อมอะไรเลย
คิดแค่ว่า วิ่งตามพี่พงให้ทันก็พอ คู่วิ่งสำคุญนะคะ ถ้าไม่รู้จักพี่พง และไม่มีเพื่อนวิ่ง เพื่อนชวนกันไปออกกำลังกาย
ฮอนด้าคงเลิกไปนานแล้ว ดังนั้น ถ้าใครที่คิดจะวิ่ง ลองหาเพื่อนซักคนที่เขาน่าจะวิ่งไปกับเราได้ แล้วชวนกันไป ลุย!
จนกระทั่งปีใหม่ ทุกๆปี จะตั้งสิ่งใหม่ๆที่ตัวเองไม่เคยทำ ไว้เป็นเป้าว่าจะทำให้ได้ก่อนจบปี
ปีใหม่ที่เพิ่งผ่านมานี้ ฮอนด้าเลยลองท้าทายตัวเองดู บอกตัวเองว่า "ฉันจะพิชิตมาราธอนให้ได้ภายในปีนี้"
ความรู้เรื่องวิ่ง ไม่มีเลย รู้แค่ว่าฉันอยากทำ และฉันจะทำ
ยิ่งพอไปบอกใครๆแล้ว มีแต่คนบอกกลับมาว่า "อย่างเธอเนี่ยนะ จะวิ่งมาราธอน"
มันยิ่งเป็นแรงผลักดันให้เราต้องทำให้ได้
แผนการซ้อมที่มีอยู่อย่างเดียวคือ ค่อยๆวิ่งเพิ่มระยะไปเรื่อยๆ อาทิตย์ละ 2.5 โล
คุยกับพี่พงไว้ว่า ถ้าเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ มันต้องได้หน่ะ พอเพิ่มระยะ ถึงฮาฟ ฮอนด้าก็ลงสมัครวิ่งฮาฟเลย
ซึ่งตอนนั้นคืองาน Bitec ค่ะ วิ่งไป 2:05 แต่เข้าเส้นมาแล้วแทบจะล้ม เหนื่อยมาก
ยังคิดอยู่เลย ว่าฉันจะไปถึงได้ยังไง อีกตั้งครึ่งนึง!!!
แต่ฮอนด้าเชื่อว่า "ขอแค่ตั้งใจ คุณก็ทำได้"
เลยซ้อมต่อไปเรื่อยๆ แต่พอยิ่งซ้อมยาวขึ้น เวลาที่จะตรงกับพี่พงก็มีน้อยลง
ฮอนด้าเลยต้องเริ่มมองหาชมรมวิ่ง หรือกลุ่มเพื่อนนักวิ่งคนอื่นๆ ที่จะให้ฮอนด้าเกาะไปด้วย
และเป็นเพื่อนซ้อมกัน ในเวลาที่พี่พงไม่ว่าง และอีกเช่นเคยค่ะ
ลองเปิด Google ตามอ่านใน พันธิป (เพราะพันธิปอีกแล้ว) ฮอนด้าก็มาพบกับ Crazy running
"วิ่งด้วยใจ ไปด้วยกัน" ผู้ซึ่งทำให้ชีวิตฮอนด้าไม่เหมือนเดิมอีกเลย
เพื่อนๆน่ารักทุกคน ชวนกันวิ่ง ชวนกันกิน แนะนำอุปกรณ์การวิ่งต่างๆ
ช่วยกันให้คำปรึกษา แนะนำ วางแผนการซ้อมวิ่งให้ เวลาไปตามงานวิ่ง
ก็จะเฮกันถ่ายรูป ใช่ค่ะ กลุ่มคนที่ใส่เสื้อสีส้มๆ เสียงดังๆนั่นเอง มันทำให้การวิ่งสนุกไปอีกแบบนึงเลย
และพี่ๆพวกนี้แหละค่ะ ก็มาคอยให้คำแนะนำว่า ต้องซ้อมให้ถึง
ตอนแรก เขาก็ไม่ยอมให้ลงงานภูเก็ต เพราะมันเร็วไป
เพิ่งเริ่มวิ่ง กลัวกล้ามเนื้อไม่แข็งแรง แล้วฮอนด้าจะบาดเจ็บ
แต่ฮอนด้าดื้อ ไม่ยอมฟัง เลยเถียงไปบอกว่า ถ้าตั้งใจซ้อม และซ้อมถึงก็ลงได้ใช่ไหมคะ
หลังจากนั้น ฮอนด้าก็พยายามซ้อมยาวๆ โดย ซ้อมวิ่งให้ถึง 30 km ไป 3 ครั้ง
และ 35 km ไปอีกหนึ่งครั้ง จนมั่นใจว่าเราพร้อมที่จะ ลุย ในวันงาน
พอวันงานมาถึง ตื่นเต้นมากๆ ไปรับ BIB พี่ที่แจกก็ถาม
"น้องลงฟูลมาราธอนเลยเหรอ ?"
ชิ ตอนนั้นคิดในใจ หน้าอย่างนี้ คิดว่าจะทำไม่ได้ใช่ไหมคะ
จำหน้ากันไว้นะคะ แล้วเดี๋ยวเจอกันที่เส้นชัย ชิชิ
เช้าวันจริง ตอนปล่อยตัวก็ค่อยๆออกวิ่งไปตามเพซที่ซ้อมมา
วิ่งเรื่อยๆ เพราะไม่ว่ายังไง เวลาที่ได้ก็จะเป็นเวลาที่ดีที่สุดของตัวเองอยู่ดี
เราไม่เคยวิ่งไกลเกิน 35 โลเลย ตอนซ้อม แต่วันนี้จะจัด 42.195
10 โลแรก ฮอนด้าจึงไปเรื่อยๆ ไปกับพี่วิทถึ ก่อนเราที่จะแยกทางกัน วิ่งไปแบบไม่แร่ง
เพราะพี่ๆเขาเตือนไว้ ว่า ไม่งั้นจะไปหมดเอาโลหลังๆได้
พอผ่าน 21 โล ค่อยเร่งขึ้นได้นิดนึง
ตอนกลับตัวมา เห็น พี่ต้าวิ่งตามหลังเราอยู่
ตอนนั้นยังพริ้มคิดในใจว่า "อัยยะ ครึ่งทางผ่านไป เรายังวิ่งนำนาวินต้าร์เหรอเนี่ย?!?"
วิ่งไปเจอเพื่อนๆคนอื่นที่กำลังวิ่ง เราก็จะวิ่งแตะมือกัน ส่งพลังซุปเปอร์เซย่า
หรือไม่ก็จะตะโกนเชียร์ให้กำลังใจเขาตลอดว่าอีกนิดก็กลับตัวแล้ว
(มันช่วยจริงๆนะคะ ไปเชียร์เขา เราก็มีกำลังใจเพิ่มชึ้น เหมือนให้กำลังใจตัวเองไปในตัวด้วย)
แหม่ทุกอย่างไปได้สวยเลยค่ะ น้ำเขาก็จัดดี แถมมีฟองน้ำเย็นๆให้ตลอดทาง
แต่แล้วเหตุการณ์ก็พลิกค่ะ พอวิ่งไปถึงโลที่ 28 อยู่ดีๆพี่ต้าก็วิ่งตีขึ้นมา
มองนาฬิกา เราก็ไม่ได้ช้าลงนี่ แต่พี่เขาวิ่งเร็วขึ้น!! แม่เจ้า! ยังมีพลังเหลือได้ไง?!?
เลยพยายามประกบพี่ต้าไป(เร่งตามพี่เขา) แต่พี่ต้าก็น่ารัก เตือนกันว่า
"อย่าลืมที่ซ้อมมานะ วิ่งตามความเร็วของตัวเอง อย่าเผลอ"
สติกลับคืนมาทันที ปล่อยพี่เขาไปทันใด และหลังจากนั้นเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย
ไม่เห็นแม้แต่หลังพี่เขาอีกเลย T^T
วิ่งไปถึงกิโล 30 นิดๆ ก็เจอพี่พง ตอนนั้นดีใจมาก เราวิ่งตามพี่พงทัน
แต่เหมือนพี่เขารู้ตัว พี่เขาก็ ชแว๊บหายไป (ไปเจอกันอีกทีก็ตรงเส้นชัย) TT ไม่ให้ฮอนด้าเกาะเลยนะคะ
ฮอนด้าจึงหาคนเกาะใหม่ เจอพี่อึกคน ที่เห็นวิ่งความเร็วใกล้ๆกัน
จึงพยายามตามเขาไปห่างๆ ไปเรื่อยๆ แต่พอถึงกิโลที่ 38 แรงที่มีก็เริ่มหมด
หมดซะงั้น เหมือนรถฮอนด้าทีน้ำมันหมดเลยค่ะ มันเหนื่อย แล้วมันก็ร้อนมาก
พยายามตามพี่เขา แต่ก็มองไม่เห็นแล้ว ตอนนั้นน้ำตาไหลเลยค่ะ
ไม่เคยคิดมาก่อนว่า การวิ่งจะทำให้เราร้องไห้ได้ มันเหนื่อยแล้วอ่ะ ทำไมเราต้องวิ่งด้วย
แล้วพี่ๆที่วิ่งด้วยกันมาเขาหายไปไหนกันหมด
เราเดินแล้วได้ไหม ไม่อยากวิ่งแล้ว สู้กับตัวเองตลอดทาง
เราบินมาถึงภูเก็ตเพื่อมาวิ่งนะ จะมาเดินได้ไง
วิ่งต่อ ไปช้าๆ แต่อย่างน้อยก็วิ่ง เอ๊าเร็วๆ ไปๆๆๆ อีกรอบสวนลุมนิดๆเอง ทำได้ดิ
เลยร้อง "อ๊าคคคคคคค สองโล สองโล ย๊ากกกกกกกกก" ออกมาดังๆ
(ถ้าใครวิ่งอยู่แถวนั้นแล้วได้ยินฮอนด้า ขอโทษด้วยนะคะ >.<) แล้วใส่เกียร์ที่มีที่เหลือลงไป
จำได้ว่าเข้าเส้นไป ตะโกนลั่นเลย แล้วก็วิ่งไปเกาะถังน้ำเย็นทันที เอาน้ำราดๆๆ ร้อนๆๆๆ เหนื่อยๆๆ
เช็คเวลา 4:26 ดีกว่าที่คิดไว้เยอะมากเลย ไปนั่งพัก รอเพื่อนๆที่เหลือเข้าเส้น จะได้ถ่ายรูปรวมก่อนจะแยกย้ายกันกลับ
แต่อยู่ดีๆ ก็มีคนมาทักว่า ฮอนด้าน่าจะได้ถ้วยนะ น่าจะได้ที่สาม เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีผู้หญิงรุ่นฮอนด้าเข้ามาเลย
ตกใจมาก พอเดินไปเช็ค ก็เป็นตามนั้นจริงๆ
ไม่อยากจะเชื่อ มาราธอนแรกฉัน แล้วฉันได้ถ้วย ที่สาม! คนไทยคนเดียวในรุ่นอายุ

อยากจะหยิกตัวเองแรงๆเลย ว่าจริงเหรอ นี่เราเหรอ
คนที่ไม่เคยเล่นกีฬา วันนี้ได้ถ้วยวิ่งฟูลมาราธอน
มันยิ่งทำให้ฮอนด้าเชื่อมากๆว่า
ขอแค่ตั้งใจ ไม่ว่าอะไรก็เป็นไปได้
ตอนนี้กำลังตั้งเป้าหมายใหม่อยู่ และฮอนด้าก็จะพยายามพิชิตมัน
ถ้าทำสำเร็จเมื่อไหร่ จะมาเขียนแชร์ให้ฟังอีกทีนะคะ
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ค่ะ
ประสบการณ์ของฮอนด้าที่แชร์มาทั้งหมด คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับฮอนด้า
แต่คุณจะไม่รู้หรอกว่าเป็นยังไงถ้าไม่ได้ลองด้วยตัวเอง
แค่มีรองเท้าคู่เดียว คุณก็วิ่งได้แล้ว
ออกมาวิ่งกันเถอะค่ะ แล้วคุณอาจจะพบ
อีกกิจกรรมที่คุณทำได้ดีแบบฮอนด้าก็ได้นะคะ
ส่วนใครที่วิ่งอยู่แล้ว ถ้าเจอตามงานวิ่ง ยื่นมือมาแปะกันนะคะ เวลาวิ่งสวนไป
ขอโทษนะคะ ถ้าฮอนด้าเขียนไม่ดีหรือไม่ถูกใจใคร แต่ฮอนด้าเขียนด้วยความจริงใจจริงๆ เราได้ออกวิ่ง
และคิดว่าเราทำได้ เพราะเห็นกระทู้ของใครหลายๆคนบนนี้ ที่มาแชร์ไว้
วันนี้ฮอนด้าเลยมาขอแชร์บ้าง เผื่อใครที่อ่านอยู่จะมีแรงฮึดสู้บ้าง
หกเดือนเองนะคะ ตั้งแต่ที่ฮอนด้าเริ่มวิ่งมา มันไม่ยากอย่างที่คิดหรอกค่ะ
ถ้าจะบอกว่าไม่เหนื่อยเลยคงจะโกหก แต่มันคือความสนุกของการวิ่ง มันต้องเหนื่อย
และโมเม้นท์ที่เราเอาชนะใจตัวเองได้ แล้วไม่ยอมแพ้ คือช่วงที่ฟินที่สุดแล้วจริงๆ
ออกมาวิ่งเถอะค่ะ วิ่งช้า วิ่งเร็ว ถ้าวิ่งสม่ำเสมอ ชีวิตคุณเปลี่ยนแน่ๆ
แล้วพบกันตามงานวิ่งค่ะ เผื่อมาวิ่งแปะมือกัน จะได้ส่งพลังซุปเปอร์เซย่าให้กัน
https://www.facebook.com/hondapetchapornc
ใครว่า ฉันจะวิ่งมาราธอนไม่ได้
เพราะ ฮอนด้าได้ Inspiration ที่จะเริ่มวิ่งมาราธอน มาจากกระทู้ในพันทิปเนี่ยแหละค่ะ
อย่างเช่น กระทู้ของสาวสวยนักวิ่งอย่าง พี่ยู้และพี่หญิง
วันนี้ฮอนด้าเลยอยากลองเขียนดูบ้าง เผื่อจะทำให้ผู้อ่านบางท่าน
เริ่มคิดที่จะออกมาวิ่งมาราธอน แล้วคุณก็จะพบกับโลกอีกใบ อย่างที่ฮอนด้าได้เจอ
ฮอนด้าเพิ่งวิ่งมาราธอนแรกจบไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (8 June 2014) ในงาน Laguna Phuket International Marathon'14
ด้วยเวลา 4:26:41 วินาที ตอนเข้าเส้นมา นี่ตะโกนลั่นเลยค่ะ "อ๊าาาาาา ฉันทำได้แล้ว" (จบซักทีนะ กว่าจะถึง...)
เราทำได้แล้ว ความรู้สึกนั้นมันเอ่อล้นจนบอกไม่ถูกเลยจริงๆค่ะ
หกเดือน กับ คำว่า "วิ่ง"
นับตั้งแต่ งานวันพ่อ ที่ฮอนด้าเริ่มวิ่ง 10 กิโล
ตอนนั้น ไม่รู้ว่างานวิ่งเขามีแจกน้ำ ด้วยความที่กลัวหิวน้ำระหว่างวิ่ง
10 โล นี่ไกลนะ! เลยขอถือขวดน้ำวิ่งไปด้วยดีกว่า
ถือไปก็อุ่นใจดี เลยกลายเป็นของขลังอยู่ซักพักใหญ่เลย ที่ฮอนด้าต้องถือขวดน้ำวิ่ง
วันนั้นวิ่งไปชั่วโมงนิดๆค่ะ ไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่ เพราะ พอเข้าเส้นมา
มองหานาฬิกาที่เขาจับเวลาไม่เห็น ไม่รู้มันอยู่ไหน(มือใหม่จริงๆ)
ก่อนจะวิ่งงานนี้ก็มีวิ่งบ้างในยิมทั่วไป
เป็นบางครั้งบางครา (วิ่งเหยาะๆแหยะๆ เรียกว่าเดินฟังเพลงยังดีกว่าเลยค่ะ)
มีพื้นฐานกีฬาก็แค่เคยเรียน บัลเล่ต์ตอนเด็กๆก็แค่นั้น
แต่รู้ว่าวันนั้น เราอยากวิ่ง 10 โลได้ โดยที่ไม่มีคำว่า "เดิน"
เลยวิ่งไปเรื่อยๆวันจริง ย้ำเท้า ท่องไว้ว่า ไปข้างหน้า ไปข้างหน้า
พอวิ่งจบวันนั้น มีคุณลุงเข้ามาชมว่าฮอนด้าวิ่งดีค่ะ
งงๆอยู่เหมือนกัน ลุงใจดี เลยพาไปถามน้องที่ได้ถ้วย
น้องที่ได้ที่ห้า เขาบอกว่าเขาวิ่งไป 54 นาที
ด้วยความที่อ่อนต่อโลกวิ่ง เลยคิดแค่ว่า เอ้อ 10 นาทีเองนี่
ฉันทำได้ (หารู้ไม่ ว่าความจริงแล้ว นั่นมันหลายกิโลเลย)
หลังจากงานวิ่งวันพ่อ สองสามวัน ฮอนด้าก็ไปเข้าคลาส Body Combat
แล้วบังเอิญ เห็นผู้ชาย รูปร่างดี ใส่เสื้องานวิ่งวันพ่อ ที่เราเพิ่งไปวิ่งมา (เหมือนฟ้าส่งเธอมาเลย)
ตอนนั้น คิดแค่ว่า ถ้าจะวิ่งให้เร็วขึ้นอีก 10 นาที เราต้องมีคู่ซ้อม
และพี่คนนี้ ดูจากรูปร่าง น่าจะออกกำลังกาย และ น่าจะวิ่งดีอยู่
เลยเข้าไปทักพี่เขา เขาคือ ครูพง (ครูสอนว่ายน้ำและโยคะนั่นเอง)
และเราก็เริ่มชวนกันซ้อมวิ่ง พร้อมออกวิ่งตามงานต่างๆที่มีค่ะ ตอนนั้นวิ่งกันแทบทุกอาทิตย์
วิ่งไปเรื่อยๆ บางงานก็ได้ถ้วยรางวัลติดไม้ติดมือกลับมาแบบ งงๆ เพราะตอนนั้นไม่ได้มีแผนซ้อมอะไรเลย
คิดแค่ว่า วิ่งตามพี่พงให้ทันก็พอ คู่วิ่งสำคุญนะคะ ถ้าไม่รู้จักพี่พง และไม่มีเพื่อนวิ่ง เพื่อนชวนกันไปออกกำลังกาย
ฮอนด้าคงเลิกไปนานแล้ว ดังนั้น ถ้าใครที่คิดจะวิ่ง ลองหาเพื่อนซักคนที่เขาน่าจะวิ่งไปกับเราได้ แล้วชวนกันไป ลุย!
จนกระทั่งปีใหม่ ทุกๆปี จะตั้งสิ่งใหม่ๆที่ตัวเองไม่เคยทำ ไว้เป็นเป้าว่าจะทำให้ได้ก่อนจบปี
ปีใหม่ที่เพิ่งผ่านมานี้ ฮอนด้าเลยลองท้าทายตัวเองดู บอกตัวเองว่า "ฉันจะพิชิตมาราธอนให้ได้ภายในปีนี้"
ความรู้เรื่องวิ่ง ไม่มีเลย รู้แค่ว่าฉันอยากทำ และฉันจะทำ
ยิ่งพอไปบอกใครๆแล้ว มีแต่คนบอกกลับมาว่า "อย่างเธอเนี่ยนะ จะวิ่งมาราธอน"
มันยิ่งเป็นแรงผลักดันให้เราต้องทำให้ได้
แผนการซ้อมที่มีอยู่อย่างเดียวคือ ค่อยๆวิ่งเพิ่มระยะไปเรื่อยๆ อาทิตย์ละ 2.5 โล
คุยกับพี่พงไว้ว่า ถ้าเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ มันต้องได้หน่ะ พอเพิ่มระยะ ถึงฮาฟ ฮอนด้าก็ลงสมัครวิ่งฮาฟเลย
ซึ่งตอนนั้นคืองาน Bitec ค่ะ วิ่งไป 2:05 แต่เข้าเส้นมาแล้วแทบจะล้ม เหนื่อยมาก
ยังคิดอยู่เลย ว่าฉันจะไปถึงได้ยังไง อีกตั้งครึ่งนึง!!!
แต่ฮอนด้าเชื่อว่า "ขอแค่ตั้งใจ คุณก็ทำได้"
เลยซ้อมต่อไปเรื่อยๆ แต่พอยิ่งซ้อมยาวขึ้น เวลาที่จะตรงกับพี่พงก็มีน้อยลง
ฮอนด้าเลยต้องเริ่มมองหาชมรมวิ่ง หรือกลุ่มเพื่อนนักวิ่งคนอื่นๆ ที่จะให้ฮอนด้าเกาะไปด้วย
และเป็นเพื่อนซ้อมกัน ในเวลาที่พี่พงไม่ว่าง และอีกเช่นเคยค่ะ
ลองเปิด Google ตามอ่านใน พันธิป (เพราะพันธิปอีกแล้ว) ฮอนด้าก็มาพบกับ Crazy running
"วิ่งด้วยใจ ไปด้วยกัน" ผู้ซึ่งทำให้ชีวิตฮอนด้าไม่เหมือนเดิมอีกเลย
เพื่อนๆน่ารักทุกคน ชวนกันวิ่ง ชวนกันกิน แนะนำอุปกรณ์การวิ่งต่างๆ
ช่วยกันให้คำปรึกษา แนะนำ วางแผนการซ้อมวิ่งให้ เวลาไปตามงานวิ่ง
ก็จะเฮกันถ่ายรูป ใช่ค่ะ กลุ่มคนที่ใส่เสื้อสีส้มๆ เสียงดังๆนั่นเอง มันทำให้การวิ่งสนุกไปอีกแบบนึงเลย
และพี่ๆพวกนี้แหละค่ะ ก็มาคอยให้คำแนะนำว่า ต้องซ้อมให้ถึง
ตอนแรก เขาก็ไม่ยอมให้ลงงานภูเก็ต เพราะมันเร็วไป
เพิ่งเริ่มวิ่ง กลัวกล้ามเนื้อไม่แข็งแรง แล้วฮอนด้าจะบาดเจ็บ
แต่ฮอนด้าดื้อ ไม่ยอมฟัง เลยเถียงไปบอกว่า ถ้าตั้งใจซ้อม และซ้อมถึงก็ลงได้ใช่ไหมคะ
หลังจากนั้น ฮอนด้าก็พยายามซ้อมยาวๆ โดย ซ้อมวิ่งให้ถึง 30 km ไป 3 ครั้ง
และ 35 km ไปอีกหนึ่งครั้ง จนมั่นใจว่าเราพร้อมที่จะ ลุย ในวันงาน
พอวันงานมาถึง ตื่นเต้นมากๆ ไปรับ BIB พี่ที่แจกก็ถาม
"น้องลงฟูลมาราธอนเลยเหรอ ?"
ชิ ตอนนั้นคิดในใจ หน้าอย่างนี้ คิดว่าจะทำไม่ได้ใช่ไหมคะ
จำหน้ากันไว้นะคะ แล้วเดี๋ยวเจอกันที่เส้นชัย ชิชิ
เช้าวันจริง ตอนปล่อยตัวก็ค่อยๆออกวิ่งไปตามเพซที่ซ้อมมา
วิ่งเรื่อยๆ เพราะไม่ว่ายังไง เวลาที่ได้ก็จะเป็นเวลาที่ดีที่สุดของตัวเองอยู่ดี
เราไม่เคยวิ่งไกลเกิน 35 โลเลย ตอนซ้อม แต่วันนี้จะจัด 42.195
10 โลแรก ฮอนด้าจึงไปเรื่อยๆ ไปกับพี่วิทถึ ก่อนเราที่จะแยกทางกัน วิ่งไปแบบไม่แร่ง
เพราะพี่ๆเขาเตือนไว้ ว่า ไม่งั้นจะไปหมดเอาโลหลังๆได้
พอผ่าน 21 โล ค่อยเร่งขึ้นได้นิดนึง
ตอนกลับตัวมา เห็น พี่ต้าวิ่งตามหลังเราอยู่
ตอนนั้นยังพริ้มคิดในใจว่า "อัยยะ ครึ่งทางผ่านไป เรายังวิ่งนำนาวินต้าร์เหรอเนี่ย?!?"
วิ่งไปเจอเพื่อนๆคนอื่นที่กำลังวิ่ง เราก็จะวิ่งแตะมือกัน ส่งพลังซุปเปอร์เซย่า
หรือไม่ก็จะตะโกนเชียร์ให้กำลังใจเขาตลอดว่าอีกนิดก็กลับตัวแล้ว
(มันช่วยจริงๆนะคะ ไปเชียร์เขา เราก็มีกำลังใจเพิ่มชึ้น เหมือนให้กำลังใจตัวเองไปในตัวด้วย)
แหม่ทุกอย่างไปได้สวยเลยค่ะ น้ำเขาก็จัดดี แถมมีฟองน้ำเย็นๆให้ตลอดทาง
แต่แล้วเหตุการณ์ก็พลิกค่ะ พอวิ่งไปถึงโลที่ 28 อยู่ดีๆพี่ต้าก็วิ่งตีขึ้นมา
มองนาฬิกา เราก็ไม่ได้ช้าลงนี่ แต่พี่เขาวิ่งเร็วขึ้น!! แม่เจ้า! ยังมีพลังเหลือได้ไง?!?
เลยพยายามประกบพี่ต้าไป(เร่งตามพี่เขา) แต่พี่ต้าก็น่ารัก เตือนกันว่า
"อย่าลืมที่ซ้อมมานะ วิ่งตามความเร็วของตัวเอง อย่าเผลอ"
สติกลับคืนมาทันที ปล่อยพี่เขาไปทันใด และหลังจากนั้นเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย
ไม่เห็นแม้แต่หลังพี่เขาอีกเลย T^T
วิ่งไปถึงกิโล 30 นิดๆ ก็เจอพี่พง ตอนนั้นดีใจมาก เราวิ่งตามพี่พงทัน
แต่เหมือนพี่เขารู้ตัว พี่เขาก็ ชแว๊บหายไป (ไปเจอกันอีกทีก็ตรงเส้นชัย) TT ไม่ให้ฮอนด้าเกาะเลยนะคะ
ฮอนด้าจึงหาคนเกาะใหม่ เจอพี่อึกคน ที่เห็นวิ่งความเร็วใกล้ๆกัน
จึงพยายามตามเขาไปห่างๆ ไปเรื่อยๆ แต่พอถึงกิโลที่ 38 แรงที่มีก็เริ่มหมด
หมดซะงั้น เหมือนรถฮอนด้าทีน้ำมันหมดเลยค่ะ มันเหนื่อย แล้วมันก็ร้อนมาก
พยายามตามพี่เขา แต่ก็มองไม่เห็นแล้ว ตอนนั้นน้ำตาไหลเลยค่ะ
ไม่เคยคิดมาก่อนว่า การวิ่งจะทำให้เราร้องไห้ได้ มันเหนื่อยแล้วอ่ะ ทำไมเราต้องวิ่งด้วย
แล้วพี่ๆที่วิ่งด้วยกันมาเขาหายไปไหนกันหมด
เราเดินแล้วได้ไหม ไม่อยากวิ่งแล้ว สู้กับตัวเองตลอดทาง
เราบินมาถึงภูเก็ตเพื่อมาวิ่งนะ จะมาเดินได้ไง
วิ่งต่อ ไปช้าๆ แต่อย่างน้อยก็วิ่ง เอ๊าเร็วๆ ไปๆๆๆ อีกรอบสวนลุมนิดๆเอง ทำได้ดิ
เลยร้อง "อ๊าคคคคคคค สองโล สองโล ย๊ากกกกกกกกก" ออกมาดังๆ
(ถ้าใครวิ่งอยู่แถวนั้นแล้วได้ยินฮอนด้า ขอโทษด้วยนะคะ >.<) แล้วใส่เกียร์ที่มีที่เหลือลงไป
จำได้ว่าเข้าเส้นไป ตะโกนลั่นเลย แล้วก็วิ่งไปเกาะถังน้ำเย็นทันที เอาน้ำราดๆๆ ร้อนๆๆๆ เหนื่อยๆๆ
เช็คเวลา 4:26 ดีกว่าที่คิดไว้เยอะมากเลย ไปนั่งพัก รอเพื่อนๆที่เหลือเข้าเส้น จะได้ถ่ายรูปรวมก่อนจะแยกย้ายกันกลับ
แต่อยู่ดีๆ ก็มีคนมาทักว่า ฮอนด้าน่าจะได้ถ้วยนะ น่าจะได้ที่สาม เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีผู้หญิงรุ่นฮอนด้าเข้ามาเลย
ตกใจมาก พอเดินไปเช็ค ก็เป็นตามนั้นจริงๆ
ไม่อยากจะเชื่อ มาราธอนแรกฉัน แล้วฉันได้ถ้วย ที่สาม! คนไทยคนเดียวในรุ่นอายุ
อยากจะหยิกตัวเองแรงๆเลย ว่าจริงเหรอ นี่เราเหรอ
คนที่ไม่เคยเล่นกีฬา วันนี้ได้ถ้วยวิ่งฟูลมาราธอน
มันยิ่งทำให้ฮอนด้าเชื่อมากๆว่า
ขอแค่ตั้งใจ ไม่ว่าอะไรก็เป็นไปได้
ตอนนี้กำลังตั้งเป้าหมายใหม่อยู่ และฮอนด้าก็จะพยายามพิชิตมัน
ถ้าทำสำเร็จเมื่อไหร่ จะมาเขียนแชร์ให้ฟังอีกทีนะคะ
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ค่ะ
ประสบการณ์ของฮอนด้าที่แชร์มาทั้งหมด คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับฮอนด้า
แต่คุณจะไม่รู้หรอกว่าเป็นยังไงถ้าไม่ได้ลองด้วยตัวเอง
แค่มีรองเท้าคู่เดียว คุณก็วิ่งได้แล้ว
ออกมาวิ่งกันเถอะค่ะ แล้วคุณอาจจะพบ
อีกกิจกรรมที่คุณทำได้ดีแบบฮอนด้าก็ได้นะคะ
ส่วนใครที่วิ่งอยู่แล้ว ถ้าเจอตามงานวิ่ง ยื่นมือมาแปะกันนะคะ เวลาวิ่งสวนไป
ขอโทษนะคะ ถ้าฮอนด้าเขียนไม่ดีหรือไม่ถูกใจใคร แต่ฮอนด้าเขียนด้วยความจริงใจจริงๆ เราได้ออกวิ่ง
และคิดว่าเราทำได้ เพราะเห็นกระทู้ของใครหลายๆคนบนนี้ ที่มาแชร์ไว้
วันนี้ฮอนด้าเลยมาขอแชร์บ้าง เผื่อใครที่อ่านอยู่จะมีแรงฮึดสู้บ้าง
หกเดือนเองนะคะ ตั้งแต่ที่ฮอนด้าเริ่มวิ่งมา มันไม่ยากอย่างที่คิดหรอกค่ะ
ถ้าจะบอกว่าไม่เหนื่อยเลยคงจะโกหก แต่มันคือความสนุกของการวิ่ง มันต้องเหนื่อย
และโมเม้นท์ที่เราเอาชนะใจตัวเองได้ แล้วไม่ยอมแพ้ คือช่วงที่ฟินที่สุดแล้วจริงๆ
ออกมาวิ่งเถอะค่ะ วิ่งช้า วิ่งเร็ว ถ้าวิ่งสม่ำเสมอ ชีวิตคุณเปลี่ยนแน่ๆ
แล้วพบกันตามงานวิ่งค่ะ เผื่อมาวิ่งแปะมือกัน จะได้ส่งพลังซุปเปอร์เซย่าให้กัน
https://www.facebook.com/hondapetchapornc